Skip to main content

หน้าหลัก

สถานการณ์ ทางเศรษฐกิจ

สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ     

                      ฮ่องกงมีระบบเศรษฐกิจแบบผสมผสาน ทุนนิยมที่โดดเด่นด้วยภาษีต่ำ การแทรกแซงตลาดของรัฐบาลมีน้อยที่สุด และมีตลาดการเงินระหว่างประเทศที่มั่นคง เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 35 ของโลก  โดยมี จีดีพีอยู่ที่ประมาณ 373 พันล้านเหรียญสหรัฐ แม้ว่าเศรษฐกิจของฮ่องกงจะอยู่ในอันดับต้น ๆ ของการวัดดัชนีความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจของมูลนิธิเฮอริเทจตั้งแต่ปี 2538 แต่ยังมีความเหลื่อมล้ำทางรายได้ค่อนข้างสูง ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับเจ็ดของโลกโดยมีมูลค่าตลาด 30.4 ล้านล้านดอลลาร์ฮ่องกง (3.87 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ณ เดือนธันวาคม 2561ฮ่องกงเป็นประเทศที่มีลำดับการส่งออกและนำเข้าสินค้าเป็นอันดับ 10 ของโลก (2017) มูลค่าการซื้อขายสินค้ามากกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ  ปริมาณการขนส่งสินค้ามากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นการขนส่ง (สินค้าที่เดินทางผ่านฮ่องกง) ผลิตภัณฑ์จากจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีสัดส่วนประมาณ 40% ฮ่องกงมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ซึ่งรวมถึงท่าเรือตู้สินค้าที่มีจำนวนมากที่สุดในโลก และสนามบินที่มีการใช้งานมากที่สุดสำหรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกงคือจีนแผ่นดินใหญ่และสหรัฐอเมริกา  ฮ่องกงมีที่ดินทำกิน และมีทรัพยากรธรรมชาติน้อย สินค้านำเข้าสำคัญได้แก่ อาหารและวัตถุดิบ การนำเข้าอาหารกว่า 90 เปอร์เซ็นต์   เป็นเนื้อและข้าว กิจกรรมการเกษตรคิดเป็น 0.1% ของ GDP ประกอบด้วยอาหารระดับพรีเมี่ยมและดอกไม้   แม้ว่าฮ่องกงจะมีเศรษฐกิจภาคการผลิตที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียในช่วงครึ่งหลังของยุคอาณานิคม        ซึ่งปัจจุบันเศรษฐกิจส่วนใหญ่เป็นภาคบริการ ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจถึง 92.7% โดยมีสัดส่วนของภาครัฐคิดเป็น 10% ระหว่างปีพ. ศ. 2504 ถึงปี 2540  ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของฮ่องกงเพิ่มขึ้นจากระดับ 180 และ ค่าGDP ต่อหัวเพิ่มขึ้นเป็น 87 ค่า GDP ของฮ่องกงเมื่อเทียบกับจีนแผ่นดินใหญ่สูงถึงร้อยละ 27 ในปี 1993 และลดลงเหลือน้อยกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ในปี 2560 เนื่องจากจีนแผ่นดินใหญ่พัฒนาและเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานกับจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่เริ่มต้นเปิดตลาดเสรีบนจีนแผ่นดินใหญ่ตั้งแต่ปี 2521  ตั้งแต่เริ่มให้บริการรถไฟข้ามพรมแดนในปี 2522 การเชื่อมโยงทางรถไฟและถนนได้รับการปรับปรุงและสร้างขึ้นอย่างมากมาย (เป็นการอำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างภูมิภาค) ความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิด การจัดระเบียบนโยบายการค้าเสรีระหว่างสองพื้นที่  แต่ละเขตอำนาจศาลยืนยันจะกำจัดอุปสรรคที่เหลืออยู่เพื่อการค้าและการลงทุนข้ามพรมแดน  ความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่คล้ายกันกับมาเก๊ามีรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดเสรีการค้าระหว่างเขตการปกครองพิเศษ  บริษัทของจีนแผ่นดินใหญ่ได้ขยายสถานะทางเศรษฐกิจของตนในดินแดนนับตั้งแต่มีการถ่ายโอนอำนาจอธิปไตย โดยมีมูลค่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของดัชนีฮั่งเส็งซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5 ในปี 1997  ในขณะที่จีนแผ่นดินใหญ่เปิดเสรีทางเศรษฐกิจ  อุตสาหกรรมการเดินเรือของฮ่องกงต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากท่าเรือจีนอื่น ๆ สินค้าของจีน 50 เปอร์เซ็นต์ที่ถูกส่งผ่านฮ่องกงในปี 2540 ลดลงไปประมาณ 13% ภายในปี 2558  การจัดเก็บภาษีขั้นต่ำสุดของฮ่องกง ระบบกฎหมายและการบริหารราชการพลเรือนดึงดูด บริษัทต่างประเทศที่ต้องการจัดตั้งบริษัทในเอเชีย   ฮ่องกงมีสำนักงานใหญ่ภาคเอกชนมากเป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นประตูจากต่างประเทศสู่การลงทุนในจีนทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ได้โดยตรงผ่านการเชื่อมโยงกับตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น ฮ่องกงเป็นตลาดแห่งแรกที่อยู่นอกจีนแผ่นดินใหญ่ สำหรับพันธบัตรสกุลเงินหยวนและเป็นหนึ่งในศูนย์กลางที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการซื้อขายเงินหยวนในต่างประเทศ รัฐบาลมีบทบาทเชิงบวกด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลมีนโยบายด้านอาณานิคมอุตสาหกรรมเพียงเล็กน้อยและแทบไม่มีการควบคุมด้านการค้า ภายใต้หลักการ “ความมั่นใจ ในการไม่แทรกแซง”การท่องเที่ยวเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจคิดเป็นร้อยละ 5 ของ GDP ในปี 2559 มีนักท่องเที่ยวจำนวน 26.6 ล้านคน มูลค่าเงินจำนวน HK$ 258 พันล้าน (32.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ฮ่องกงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับที่ 14 สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในจีน สำหรับนักท่องเที่ยวโดยรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 70% เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ใกล้ที่สุด (มาเก๊า)  และได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเมืองที่แพงที่สุดสำหรับชาวต่างชาติ

                      ตั้งแต่เดือนมีนาคม2562  จนถึงปัจจุบัน (ม.ค.2563) เขตบริหารพิเศษฮ่องกงอยู่ในสถานการณ์ประชาชนชุมนุมประท้วงซึ่งหลายครั้งมีความรุนแรงเกิดขึ้น ในการประชุมสภานิติบัญญัติฮ่องกง (LegCo) วันที่ 16 ต.ค. 2562 นางแคร์รี หล่ำ (Carrie Lam) ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกงได้แถลงนโยบาย “Treasure  Hong Kong: Our Home”ผ่านการบันทึกเทปโทรทัศน์  ซึ่งยึดมั่นในหลักการ 3 ประการ คือหลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ความพยายามในการปกป้องสิทธิและเสรีภาพภายใต้ “กฎหมายพื้นฐาน” (Basic Law) และการปกป้องรักษาหลักนิติธรรม (rule of law) ซึ่งเป็นหลักสำคัญของความสำเร็จของฮ่องกง และปกป้อง Hong Kong’s Institutional Strengths ที่สร้างสมมานาน อาทิ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง และสถานีรถไฟ MTR 

                      นโยบาย “Treasure  Hong Kong: Our Home” มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาที่รากฐานทางเศรษกิจและสังคม รวมทั้งให้ความสำคัญกับประเด็นการบริหารจัดการ “ที่อยู่อาศัย” “ที่ดิน” และ “การกินดีอยู่ดี”ของประชาชน มีเป้าหมายในการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ การบ่มเพาะ Talents และการสร้างเมืองฮ่องกงให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น โดยมีสาระสำคัญสรุป ดังนี้

                     1)  นโยบายส่งเสริมที่อยู่อาศัยและการพัฒนาที่ดิน อาทิ

                         – จัดสรรงบประมาณ 5 พันล้านเหรียญฮ่องกง สร้างที่พักอาศัย 10,000 ยูนิตภายใน 3 ปี

                         – เปิดโครงการแฟลตที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล 12,000 ยูนิต โดยจะมีการเปิดขาย Pre-sale ในปี 2563

                        – ออกมาตรการเร่งการขายที่พักอาศัยที่ยังไม่มีผู้ซื้อจำนวน 42,000 ยูนิต

                        – เพิ่มเพดานวงเงินจาก 4 ล้านเป็น 8 ล้านเหรียญฮ่องกง สำหรับหลักเกณฑ์สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย Loan-to-value mortgage  ร้อยละ 90 สำหรับผู้ซื้อบ้านหลักแรก

                        – เร่งรัดแผนปฏิบัติการและการใช้ พรบ. เวนคืนที่ดิน เพื่อพัฒนาโครงการบ้านและที่พักอาศัยของรัฐบาล รวมทั้งโครงการบ้าน/ที่พักอาศัยหลังแรก

                        – ปรับแผนการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งเขต Tuen Mun รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ที่จะใช้ประโยชน์พื้นที่ River Trade Terminal ให้เป็นบริเวณที่พักอาศัย

                    2)  นโยบายกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ

                         – ขยายขอบเขตการรับสมัคร Technology Talents ให้ครอบคลุมหลากหลายสาขาเทคโนโลยีมากขึ้น ภายใต้มาตรการ Technology Talent Admission Scheme

                         – อัดฉีดงบประมาณจำนวน 500 ล้านเหรียญฮ่องกงให้กับกองทุน “นวัตกรรมด้านสังคมและการพัฒนาผู้ประกอบการ”

                         – อัดฉีดงบประมาณจำนวน 1 พันล้านเหรียญฮ่องกงให้กับมาตรการ Dedicated Fund on Branding, Upgrading and Domestic Sales (BUD Fund) และเพิ่มเพดานการอนุมัติเงินทุนที่ ๒ ล้านเหรียญ                                    สำหรับผู้ประกอบการภายใต้ Mainland Programme และ FTA Programme

                         – อัดฉีดงบประมาณจำนวน 1 พันล้านเหรียญฮ่องกงแก่กองทุนสนับสนุนการตลาดการส่งออกและเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรม

                         – พัฒนามาตรการประกันทางการเงินสำหรับ SME

                     3)  นโยบายส่งเสริมอื่น ๆ อาทิ

                         – การวางแผนงานของโครงการก่อสร้างเส้นทางเดินรถไฟฟ้า 3 สาย ได้แก่  (1) การขยายต่อสาย Tung Chung (2) การขยายต่อทางทิศใต้ของสาย Tuen Mun และ (3) สาย Northern Link  (4) South Horizons (5) PO lam (6) Whampoa (7) Lok Ma Chau (8) Tsuen Wan เพื่อให้                                        สามารถเริ่มโครงการก่อสร้างได้ก่อนกำหนด


4922
TOP